ความคิดสร้างสรรค์ (creative
thinking)
กระบวนการคิดของสมองซึ่งสามารถคิดได้หลากหลายและแปลกใหม่
สามารถนำไปประยุกต์ทฤษฎีหรือปฏิบัติได้อย่างรอบคอบและถูกต้อง
จนนำไปสู่การคิดค้นและนวัตกรรมCreativity มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน
“creo” = to create, to make =สร้างหรือทำให้เกิด
ความคิดสร้างสรรค์คือ
ปรากฏการณ์ที่บุคคลสร้างสรรค์”สิ่งใหม่” อาทิ ผลผลิต การแก้ปัญหา นวัตกรรม หรืองานศิลปะ ฯลฯ ซึ่งมีคุณค่า
การจะตีความเกี่ยวกับ”ความใหม่” ขึ้นอยู่กับผู้สร้างสรรค์หรือสังคม
หรือแวดวงที่สิ่งใหม่นั้นเกิดขึ้น การประเมินคุณค่าก็ในทำนองเดียวกัน
คุณสมบัติที่มักใช้ในการตีความ “ความใหม่” ประกอบด้วย
1.
สิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
2.
สิ่งประดิษฐ์ที่อาจปรากฏอยู่ที่อื่น
แต่มีผู้สร้างสรรค์ขึ้นใหม่โดยอิสระ
3.
การคิดวิธีดำเนินการใหม่
4.
ปรับกระบวนการผลผลิตเข้าสู่ตลาดที่แตกต่างออกไป
5.
คิดวิธีการใหม่ในการแก้ไขปัญหา
6.
เปลี่ยนแนวคิดที่แตกต่างจากผู้อื่น
ความคิดสร้างสรรค์คือ
ความคิดใหม่ ๆ แนวทางใหม่ ๆ ทัศนคติใหม่ ๆ ความเข้าใจและการมองปัญหาในรูปแบบใหม่
ผลลัพท์ของความคิดสร้างสรรค์ที่ชัดเจน คือ ดนตรี การแสดง วรรณกรรม ละคร
สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรมทางเทคนิค แต่บางครั้งความคิดสร้างสรรค์ก็มองไม่เห็นชัดเจน
เช่น การตั้งคำถามบางอย่างที่ช่วยขยายกรอบของแนวคิดซึ่งให้คำตอบบางอย่าง
หรือการมองโลกหรือปัญหาในแนวนอกกรอบ
ความคิดสร้างสรรค์คือ
ความคิดเชื่อมโยงที่พยายามหาทางออกหลาย ๆทาง ใช้ความคิดที่หลากหลาย
แสวงหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ และนอกกรอบ คัดสรรค์หาทางเลือกใหม่
ๆและพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมีวิธีการอยู่ 6 ขั้นตอน คือ
1.
แสวงหาข้อบกพร่อง(Mess
Finding)
2.
รวบรวมข้อมูล(Data
Finding)
3.
มองปัญหาทุกด้าน(Problem
Finding)
4.
แสวงหาความคิดที่หลากหลาย(Idea
Finding)
5.
หาคำตอบที่รอบด้าน(Solution
Finding)
6.
หาข้อสรุปที่เหมาะสม(Acceptance
Finding)
กระบวนการของความคิดสร้างสรรค์
อาจเกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือโดยความตั้งใจ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการศึกษา การอบรมฝึกฝน
การระดมสมอง (brain-storming) มากกว่าครึ่งหนึ่งของการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ของโลก
เกิดจากการค้นพบโดยบังเอิญ(serendity) หรือการค้นพบสิ่งหนึ่งซึ่งใหม่
ในขณะที่กำลังต้องการค้นพบสิ่งอื่นมากกว่า
ความคิดสร้างสรรค์
มีความหมายแยกได้เป็น 3 ประเด็นหลัก คือ
1.
เป็นความคิดแง่บวก
หรือ Positive
thinking
2.
เป็นการกระทําที่ไม่ทําร้ายใคร
หรือ Constructive
thinking
3.
เป็นการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
หรือ Creative
thinking
ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้ 2 ทาง คือ
1.
เริ่มจากจินตนาการแล้วย้อนสู่ความจริง
เกิดจากการที่เรานํา ความฝันและจินตนาการ ซึ่งเป็น เพียงความคิด
ความใฝ่ฝันที่ยังไม่เป็นจริง
แต่เกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทําให้ความฝันนั้นเป็นจริง
2.
เริ่มจากความรู้ที่มีแล้วคิดต่อยอดสู่สิ่งใหม่ที่เรียกว่า
นวัตกรรม (Innovation) เกิดจากการนํา
ข้อมูลหรือความรู้ที่มีอยู่มาคิดต่อยอด หรือคิดเพิ่มฐานข้อมูลที่มีอยู่
จะเป็นเหมือนตัวเขี่ยความคิดให้เราคิดใน เรื่องใหม่ๆ
วิธีการปรับปรุงทักษะความคิดสร้างสรรค์
ความพยายามแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง
ด้วยการใช้เหตุผล(ตรรกะ)หนึ่งเชื่อมโยงไปยังอีกเหตุผลหนึ่งเป็นขั้นตอนขึ้นไปเรื่อย
ๆ เพื่อให้บรรลุการแก้ปัญหา เรียกวิธีการนี้ว่า “ความคิดแนวตั้ง”(vertical thinking) ซึ่งเป็นการใช้งานสมองซีกซ้ายเป็นหลัก
Dr.Edward de Bono นักจิตวิทยาและนักวิจัยทางการแพทย์แห่งมหาวิทยาลัย
เคมบริดจ์ ได้เสนอการใช้ความคิดสร้างสรรค์ด้วย แนวคิดที่เรียกว่า”ความคิดข้างเคียง”(lateral thinking) ซึ่งแตกต่างจากวิธีการเดิม
ๆจากการใช้ความคิดในแนวตั้ง แต่ใช้จินตนาการวาดภาพแบบนอกกรอบ
ซึ่งเป็นการใช้งานสมองซีกขวา
Dr. Daniel Pink ในหนังสือขายดี A
Whole New Mind(2005) ยืนยันประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันตลอดศตวรรษที่
๒๐ ว่า เรากำลังเข้าสู่ยุคสมัยที่ความสร้างสรรค์มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
ในยุคแห่งวิสัยทัศน์ เราต้องเสริมสร้างและกระตุ้นการใช้สมองซีกขวา(right-directing
thinking) ซึ่งหมายถึง ความคิดสร้างสรรค์ มากกว่าสมองซีกซ้าย(left-directed
thinking) ซึ่งหมายถึงเพียงการใช้เหตุผลและการวิเคราะห์ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว