Performance-Based
การประเมินการปฏิบัติ ชิ้นงาน( Performance-Based
/ Task-Based Assessment )
เป็นวิธีการประเมินผลการเรียนการสอนที่สามารถวัด
ตรวจสอบหรือประเมินผลการเรียนจากการเป็นการให้นักเรียนได้แสดงความรู้ความสามารถที่ได้รับว่านักเรียนมีความเข้าใจมากน้อยเพียงใดใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย
การประเมินการปฏิบัติเป็นการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถและทักษะตลอดจน
ลักษณะนิสัยในการเรียนของผู้เรียน
เพื่อนำข้อมูลที่รวบรวมมาใช้ในการตรวจสอบว่าผู้เรียนสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายของการเรียนการสอนที่กำหนดไว้หรือไม่
ลักษณะการประเมินจะประเมินผ่านการพูด การแสดงท่าทาง การสาธิต การทดลอง
การแสดงบทบาทสมมติ และอื่นๆ ซึ่งทำให้ผู้ประเมินสามารถใช้การสังเกตเพื่อ
ตรวจสอบสิ่งที่ผู้เรียนแสดงออกมาว่ามีความสามารถ
ทักษะและคุณลักษณะตามที่กำหนดไว้ในเป้าหมาย ผู้สอนสามารถบูรณาการ Performance-based
Assessment ในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อสร้างประสบการณ์ทางการเรียน
นอกจากนี้
การประเมินผลรูปแบบนี้จะประเมินโดยใช้เกณฑ์รูบิกส์ (Rubics)
นั้นเราสามารถศึกษาเกณฑ์การประเมินโครงงานของผู้เรียน
ศึกษาวัตถุประสงค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความหลากหลายของผลงานในโครงงาน เช่น การสาธิต
การนำเสนอ การคิดวิเคราะห์ และคุณภาพของแหล่งข้อมูล
ขั้นตอนในการสร้างรูปแบบของ Performance-based
Assessment task 5 ขั้นตอน คือ
1. ระบุความคิดรวบยอดหลักและทักษะการคิดที่ต้องการวัดผล
2. ระบุชนิดของผลงานที่ต้องการให้ผู้เรียนปฏิบัติ
โดยที่อาจจะให้นักเรียนเป็นผู้เลือก
3. กำหนดวัตถุประสงค์ของผลงานที่จะทำ
เช่น ให้ข้อมูล โน้มน้าว หรือ กระตุ้น
4. เขียนกระบวนการที่นักเรียนจะใช้
5. ให้คำแนะนำนักเรียนเกี่ยวกับการวัดผลอธิบายเกี่ยวกับรายการที่จะใช้ประเมิน
ขั้นตอนในการวัดผลแบบ Performance-based
Assessment
1. การระบุวัตถุประสงค์ของ
Performance-based Assessment
ในการดำเนินการวัดผลที่ดี
ควรมีการระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน โดยควรศึกษาประเด็นดังต่อไปนี้
1. ความคิดรวบยอด
ทักษะ หรือความรู้ใดที่ต้องการวัด
2. ผู้เรียนควรรู้สิ่งใดบ้าง
3. ผู้เรียนควรปฏิบัติงานในระดับใด
4. ความรู้ชนิดใดที่ควรวัดผล:
การให้เหตุผล ความจำ หรือ กระบวนการ
2. การเลือกกิจกรรม
หลังจากระบุวัตถุประสงค์ของการวัดผล
เราสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการเลือกกิจกรรมต่างๆได้โดยคำนึงถึงประเด็นต่อไปนี้ ได้แก่
ระยะเวลา แหล่งข้อมูลที่มีอยู่
ข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับคุณภาพของปฏิบัติงาน
มีกิจกรรมอยู่สองประเภทที่เหมาะสมในการเลือกกิจกรรม
คือรูปแบบเป็นทางการซึ่งผู้เรียนจะตระหนักว่ากำลังถูกวัดผลอยู่และไม่เป็นทางการซึ่งผู้เรียนนั้นจะไม่ทราบเลยว่ากำลังถูกวัดผลอยู่
3. การระบุเกณฑ์การวัดผล
เมื่อสามารถเลือกกิจกรรมและชิ้นงานได้แล้วนั้น
เราจำเป็นต้องระบุองค์ประกอบของโครงงานหรือชิ้นงานที่ตัดสินความสำเร็จของการปฏิบัติงานของนักเรียน
บางครั้งเราอาจจะสามารถหาเกณฑ์ในการประเมินโดยใช้หลักสูตรพื้นฐานหรือหลักสูตรท้องถิ่น
หรือเอกสารที่เผยแพร่
แต่เราควรตระหนักว่าเกณฑ์การวัดผลนั้นอาจจะไม่เหมาะสมกับระดับของผู้เรียนหรือมีทักษะมากเกินไป
4. การสร้างRubricsของการปฏิบัติงาน
Rubrics เป็นระบบจัดลำดับที่ผู้สอนสามารถตัดสินใจได้ว่าผุ้เรียนจะสามารถแสดงชิ้นงานและแสดงความคิดรวบยอดของความรู้ที่ได้รับ
ในการใช้Rubricsเราจำเป็นต้องแน่ว่าเกณฑ์Rubricsของเรานั้นง่ายและยุติธรรม เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
5. การวัดผลการปฏิบัติงาน
มีหลายวิธีที่จะบันทึกผลของ
Performance-based
Assessment
- Checklist Approach
เมื่อใช้วิธีการนี้ เราเพียงแต่ระบุว่ามีองค์ประกอบใดบ้างที่มีอยู่ในการปฏิบัติงาน
- Narrative /
Anecdotal Approach เขียนเป็นคำบรรยายว่าผู้เรียนทำอะไรในการปฏิบัติงาน
จากรายงานนี้ครูจะสามารถตัดสินใจได้ว่านักเรียนจะสามารถปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐานอย่างไร
- Rating Scale
Approachสามารถระบุระดับของมาตรฐาน โดยใช้เป็นสเกลตัวเลข
- Memory Approach สังเกตผู้เรียนโดยมิได้จดบันทึกแต่ใช้การจดจำเพื่อตัดสินใจว่าผู้เรียนประสบ
ผลสำเร็จหรือไม่
(วิธีการนี้ไม่เป็นที่แนะนำ)
- Open-ended or
extended response exercises การตั้งคำถามหรือระบุปัญหาที่ให้นักเรียนคิดหาคำตอบออกมาด้วยวาจา
หรือเขียนตอบออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น ในวิชาวิทยาศาสตร์ นักเรียนจะต้องสามารถอธิบายในสิ่งที่ได้จากการสังเกต
หรือ การอ้างเหตุผลของที่มาของเรื่องราวต่างๆได้
- Extended tasks ในการตรวจประเมินผลงานแต่ละงานอาจต้องใช้เวลาในการพิจารณา ในการตรวจสอบแก้ไขหรือ
พิจารณาความถูกต้องให้ตรงตามมาตรฐานที่ตั้งไว้
-
Portfolios เป็นการประเมินความหลากหลายของงาน โดยPortfolio จะเป็นการรวบรวมผลงานที่ดีที่สุดของนักเรียนมาไว้
รวมถึงกระบวนการขั้นตอนการทำงานต่างๆของนักเรียน